คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวกีฬา

UFABETWIN เล่นกันแพร่หลาย – แต่ทำไมสนุกเกอร์ ถึงยังไม่เป็นที่ยอมรับในมหกรรมกีฬาต่างๆ

สนุกเกอร์ ถือเป็นกีฬาหนึ่งที่ได้รับความนิยมในหลายภูมิภาคและหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น สหราชอาณาจักร, จีน หรือ ไทย จึงกล่าวได้ว่านี่คือเกมการแข่งขันที่เล่นกันอย่างแพร่หลายและมีการแข่งขันในระดับโลกมาอย่างยาวนาน

อย่างไรก็ตาม สนุกเกอร์ อาจะเป็นกีฬาชื่อดังที่อยู่ห่างไกลจากการเป็นส่วนหนึ่งของมหกรรมกีฬาระดับโลกมากที่สุด โดยก่อนหน้านี้มีการพยายามผลักดันให้สนุกเกอร์เข้าเป็นส่วนหนึ่งของโอลิมปิก เกมส์ 2020 แต่ผลลัพธ์คือถูกปัดตกไม่เป็นท่า

จะพาไปหาเหตุผลกันว่า ทำไมกีฬาอันเป็นที่นิยมอย่าง สนุกเกอร์ ถึงยังไม่เป็นที่ยอมรับในมหกรรมกีฬา พร้อมกับความจริงที่ว่าพวกเขายังอยู่อีกไกลหากหวังจะผลักดันเป้าหมายนี้ให้เกิดขึ้นจริง

ปัญหาคือใช้ร่างกายน้อยเกินไป

ปัจจัยแรกที่หลายคนเชื่อว่าเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้สนุกเกอร์ยังไม่ถูกยอมรับในมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติคือธรรมชาติของกีฬาดังกล่าวที่ขาดความท้าทายทางกายภาพ กล่าวคือสนุกเกอร์เป็นกีฬาที่ใช้ร่างกายน้อยเกินไป และนั่นกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกไม่เคยเห็นสนุกเกอร์ในโอลิมปิก

มีผู้คนจำนวนหนึ่งเชื่อว่า สนุกเกอร์ ไม่ควรถูกเรียกว่าเป็น “กีฬา” เนื่องจากความบกพร่องในเรื่องการใช้ร่างกายเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน ถึงแม้ว่า สนุกเกอร์ จะมีพื้นฐานไม่แตกต่างจากกีฬาเก็บแต้มทั่วไป นั่นคือเป็นการแข่งขันระหว่างผู้เข้าแข่งขันสองฝ่าย ใครสามารถเก็บแต้มจากการแข่งขันได้มากกว่าถือเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะ

แต่ สนุกเกอร์ ถือเป็นกีฬาที่ให้ความสำคัญกับทักษะเฉพาะทางในการแข่งขันซึ่งไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความสามารถทางร่างกาย กล่าวถือความแตกต่างทางร่างกายแทบไม่มีผลต่อการแข่งขันสนุกเกอร์หากคุณมีทักษะในการแทงลูกที่ยอดเยี่ยม ซึ่งแตกต่างจากกีฬาอื่น เช่น ฟุตบอล ที่ถึงทักษะนักเตะสองคนจะเท่ากัน แต่ถ้าความแข็งแกร่งของร่างกายไม่เท่ากัน ปัจจัยตรงนี้จะแสดงผลออกมาในการแข่งขัน

สนุกเกอร์ จึงมักถูกเปรียบเทียบกับ หมากรุก ซึ่งถือเป็นกีฬาในลักษณะเดียวกัน คือใช้สมองเป็นส่วนหลักในการแข่งขันมากกว่าจะเป็นการร่างกาย และถึงแม้ทั้งสองเกมจะถูกรับรองโดยคณะกรรมการโอลิมปิกสากลในฐานะกีฬาชนิดหนึ่ง แต่ สนุกเกอร์ หรือ หมากรุก ยังคงถูกแยกห่างออกจากกีฬาแข่งขันทำแต้มชนิดอื่น

 

UFABETWIN

มีการตั้งข้อสังเกตว่า สนุกเกอร์ แตกต่างจากกีฬาทำแต้มที่ใช้สมรรถภาพทางร่างกายน้อยชนิดอื่น เช่น ยิงปืน หรือ กอล์ฟ อย่างไร ซึ่งผู้ที่ไม่สนับสนุนสนุกเกอร์ในฐานะกีฬามักกล่าวอ้างว่า ผู้เล่นกีฬายิงปืนหรือกอล์ฟจะมีการเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อตอบสนองต่อการแข่งขันตลอดเวลา

แตกต่างจาก สนุกเกอร์ หรือ หมากรุก ที่ผู้เข้าแข่งขันมักนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานานโดยไม่มีการเคลื่อนไหวเพื่อตอบสนองการแข่งขัน บางครั้งถึงกับมีคนตั้งข้อสงสัยว่า นักกีฬาที่แท้จริงจะใส่สูทนั่งสบายอยู่ในห้องแอร์แบบนักสนุกเกอร์ได้อย่างไร ?

“มันไม่เหมือนกับการเตะฟุตบอลให้เข้าประตูหรือการตีลูกสีขาวในกอล์ฟคลับ ผมเชื่อว่ากีฬาสนุกเกอร์คือ กีฬาที่เล่นได้ยากที่สุดในโลก” ฌอน เมอร์ฟี่ นักสนุกเกอร์ดีกรีแชมป์โลกเมื่อปี 2005 เปิดเผยความแตกต่างของสนุกเกอร์กับกีฬาอื่น

สนุกเกอร์ จึงเป็นกีฬาที่มีธรรมชาติยืนอยู่ในจุดตรงข้ามของภาพลักษณ์ของนักกีฬาที่โอลิมปิกพยายามนำเสนอ นั่นคือการแสดงสมรรถภาพอันน่าเหลือเชื่อของร่างกายมนุษย์ (เช่น การทำลายสถิติโลกในกีฬากรีฑา) ส่งผลให้ สนุกเกอร์ ยังคงถูกมองข้ามจากการเป็นส่วนหนึ่งของโอลิมปิกมาจนถึงทุกวันนี้

แม้ความจริงแล้ว สนุกเกอร์ จะมีคุณสมบัติของความเป็นกีฬาอย่างครบถ้วน นั่นคือเป็นการใช้ทักษะชั้นสูงเพื่อเอาชนะการแข่งขัน และต้องใช้ความมุ่งมั่นของนักกีฬาถึงจะสามารถคว้าชัยชนะในบั้นปลาย

ยังไม่แพร่หลายไปทั่วโลก

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้สนุกเกอร์ยังไม่ถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติคือเรื่องของความแพร่หลาย โดยสนุกเกอร์ยังถูกมองว่าเป็นกีฬาที่มีประเทศให้ความนิยมน้อยเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับแถวหน้า นำมาสู่ความกังวลว่ากีฬาชนิดนี้อาจก่อให้เกิดการผูกขาดเหรียญทองหากได้เข้าไปสู่โอลิมปิก

ในสายตาของชาวไทยไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะรู้สึกว่าสนุกเกอร์ไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะกีฬาชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงเวลาที่ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย หรือ วัฒนา ภู่โอบอ้อม ก้าวขึ้นไปเป็นผู้เล่นระดับแถวหน้าของโลกในช่วงยุค 90s บวกกับอิทธิพลของชาติชั้นนำซึ่งนิยมกีฬาสนุกเกอร์อย่าง สหราชอาณาจักร หรือ จีน ก็ทำให้สนุกเกอร์ดูเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากในสายตาชาวไทย

ความจริงแล้ว สนุกเกอร์ ถือเป็นกีฬาที่สามารถเรียกได้ว่า “ดังสุด-ดับสุด” กล่าวคือในประเทศที่นิยมกีฬาชนิดนี้ สนุกเกอร์ จะถูกเล่นกันอย่างแพร่หลายจนเป็นกีฬาระดับแถวหน้าของประเทศ ยกตัวอย่าง สหราชอาณาจักร ซึ่งมีผู้เล่นในระดับอาชีพราว 25,000 คน และมีผู้เล่นในกลุ่มท็อป 10 ของโลกถึง 8 คน ส่วนประเทศจีนมีผลสำรวจยืนยันว่า ประชาชนชาวจีนราว 10 ล้านคน เล่นกีฬาสนุกเกอร์เป็นงานอดิเรก

สนุกเกอร์จึงสามารถครองใจประเทศมหาอำนาจได้ทั้งในทวีปยุโรปและเอเชีย ซึ่งสาเหตุตรงนี้ก็สร้างภาพจำว่าสนุกเกอร์เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมในระดับนานาชาติ แต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้น เพราะยังมีอีกหลายประเทศที่ไม่ให้ความสนใจกีฬาสนุกเกอร์เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแข่งขันระดับสูงที่ยังผูกขาดโดยมหาอำนาจที่ไม่เอื้อให้เกิดการแข่งขันในรูปแบบตัวแทนของชาติ

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคืออันดับท็อป 30 ของผู้เล่นสนุกเกอร์ในฤดูกาล 2021-2022 ซึ่งมีผู้เล่นเพียง 3 คนหรือหนึ่งในสิบจากจำนวนตัวอย่างที่เป็นนักสนุกเกอร์ซึ่งไม่ได้มาจากสหราชอาณาจักรและจีน ได้แก่ นีล โรเบิร์ตสัน (ออสเตรเลีย), ลูก้า เบรเซล (เบลเยียม) และ ฮอสเซน วาฟาอี (อิหร่าน)

แน่นอนว่าการเข้ามาสู่ระดับท็อป 30 ของนักสนุกเกอร์จากชาติที่เพิ่งให้ความนิยมกีฬานี้ได้ไม่นานอย่างเบลเยียมและอิหร่าน ถือเป็นสัญญาณที่ดีอันแสดงให้เห็นการเติบโตของสนุกเกอร์ในระดับนานาชาติ แต่ในสายตาของบางคน นี่ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้สนุกเกอร์ก้าวเข้าไปสู่โอลิมปิก

เหตุผลส่วนนี้มักถูกเปรียบเทียบกับความจริงที่ ปิงปอง หรือ เบสบอล อันเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเฉพาะกลุ่มอย่างชัดเจนที่สามารถก้าวเข้าสู่โอลิมปิก แถมยังสร้างการผูกขาดเหรียญทองอย่างชัดเจน (จีนเป็นเจ้าเหรียญทองปิงปองมาตั้งแต่ปี 1992) ก็ทำให้แฟนคลับสนุกเกอร์ทั่วโลกต่างมองว่ากีฬาชนิดนี้สามารถก้าวไปสู่โอลิมปิกได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม สนุกเกอร์ ยังขาดการหนุนหลังจากประเทศมหาอำนาจต่างจาก ปิงปอง ที่ได้รับการผลักดันอย่างมากโดยจีน ส่วน เบสบอล ก็เป็นกีฬาอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น จึงพาตัวเองไปสู่โตเกียวเกมส์ 2020 ได้ในที่สุด แต่ย้อนกลับไปในลอนดอนเกมส์ 2012 สหราชอาณาจักรแทบจะไม่ผลักดันให้สนุกเกอร์เข้ามาสู่การแข่งขัน นี่จึงเป็นความแตกต่างระหว่างสนุกเกอร์กับสองกีฬาที่ทำให้ภาพจำของ สนุกเกอร์ ในฐานะกีฬาไม่เป็นที่แพร่หลาย และทำให้การผูกขาดชนิดกีฬาในการแข่งขันระดับสูงยังไม่หายไป

สนุกเกอร์ยังขาดการผลักดัน

สำหรับแฟนสนุกเกอร์ที่มองว่ากีฬาอันเป็นที่รักของพวกเขาควรได้เข้าไปอยู่ในมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติเสียที บุคคลเหล่านี้จะเชื่อมั่นว่า คณะกรรมการโอลิมปิกสากล “ไม่มีเหตุผลที่ดีเพียงพอ” ในการห้ามไม่ให้สนุกเกอร์ปรากฏตัวในโอลิมปิก เพราะพวกเขาเชื่อว่า สนุกเกอร์ ถือเป็นกีฬาเล่นเก็บแต้มโดยใช้ลูกชนิดหนึ่งไม่ต่างจาก ฟุตบอล หรือ เทนนิส

ข้อโต้แย้งในแง่ของการเป็นกีฬาที่ปราศจากการใช้สมรรถภาพทางร่างกายถูกปัดตกด้วยเหตุผลง่าย ๆ ที่ว่า การโน้มตัวเพื่อแทงลูกบนโต๊ะเป็นเวลาอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน ถือเป็นอะไรที่ทรมานมากเช่นกัน และถ้าพูดตามความจริง (ในสายตาแฟนสนุกเกอร์) กีฬาชนิดนี้ใช้ร่างกายมากกว่า ยิงธนู หรือ ยิงปืน ด้วยซ้ำ

 

UFABETWIN

ในส่วนของการที่สนุกเกอร์ยังไม่ใช่กีฬาระดับโลก แฟนคลับสนุกเกอร์เชื่อมั่นว่าการที่สนุกเกอร์ก้าวไปเป็นส่วนหนึ่งของมหกรรมกีฬาเวิลด์เกมส์ หรือการแข่งขันระดับนานาชาติของเหล่ากีฬาที่ไม่ได้อยู่ในโอลิมปิก ตั้งแต่ปี 2001 ถือเป็นสัญญาณที่ดีซึ่งแสดงให้เห็นว่า สนุกเกอร์ พร้อมแล้วสำหรับการเป็นกีฬาระดับนานาชาติ แถมผู้ชนะในการแข่งขันสนุกเกอร์ 5 ครั้งที่ผ่านมาในเวิลด์เกมส์ก็ไม่ได้มาจากสหราชอาณาจักรทั้งหมดอีกด้วย

เมื่อปี 2015 จึงมีการผลักดันอย่างจริงจังเพื่อให้สนุกเกอร์เข้าไปอยู่ในโอลิมปิกเป็นครั้งแรก แต่ท้ายที่สุด ความพยายามครั้งนี้ก็พบเจอกับความล้มเหลว ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนักในสายตาของใครหลายคน เพราะการจะนำกีฬาใหม่เข้าเป็นส่วนหนึ่งของโอลิมปิกต้องใช้ระยะเวลาในการผลักดันนานหลายปี แถมยังต้องภาวนาให้บรรดาผู้มีอำนาจในคณะกรรมการโอลิมปิกสากลมองเห็นความสำคัญของกีฬาชนิดนั้นอีกต่างหาก

จนถึงวันนี้การเดินทางเพื่อเข้าเป็นส่วนหนึ่งในมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติของ สนุกเกอร์ ยังคงเป็นที่โต้เถียงในหลายแวดวง แม้แต่เหล่านักสนุกเกอร์ชื่อดังยังมีความเห็นไม่ตรงกัน โดย ฌอน เมอร์ฟี่ กล่าวว่า เหรียญทองโอลิมปิกสามารถกลายเป็นรางวัลสูงสุดของนักสนุกเกอร์ทั่วโลกได้ แต่อีกหนึ่งตำนานของวงการ อย่าง รอนนี่ โอซัลลิแวน กลับไม่คิดเห็นอย่างนั้น

“ตำแหน่งแชมป์โลก ตำแหน่งแชมป์สหราชอาณาจักร หรือรางวัลมาสเตอร์ มีความสำคัญมากกว่าเหรียญทองโอลิมปิกเสมอ ผมคิดว่านักสนุกเกอร์ทุกคนอยากเป็นแชมป์โลกนะ”

“ส่วนนักกีฬาโอลิมปิก พวกเขามีเป้าหมายที่แตกต่างออกไป พวกเขาฝึกฝนตลอดสี่ปีเพื่อคว้าเหรียญทอง จากโอลิมปิกครั้งหนึ่งไปสู่อีกครั้งหนึ่ง นั่นคือทั้งหมดที่พวกเขาคิด แต่ผมไม่เห็นว่านักสนุกเกอร์จะมีแนวคิดแบบนั้น”

สนุกเกอร์จึงยังอยู่อีกห่างไกลในการก้าวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโอลิมปิก แม้ความนิยมในระดับทั่วไปจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ผู้คนเชื่อกันว่าเรื่องนี้จะไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล และอย่างน้อยที่สุดเราก็จะไม่ได้เห็นสนุกเกอร์ในปารีสเกมส์ 2024 นี้แน่นอน

ตราบใดที่การถกเถียงว่า สนุกเกอร์ เป็นกีฬาที่เหมาะสมกับโอลิมปิกหรือไม่ยังคงอยู่ นี่จึงยังเป็นเรื่องยากหากจะจินตนาการถึงภาพของกีฬาชนิดนี้ในมหกรรมกีฬายิ่งใหญที่สุดในโลก บางทีการสร้างความเข้าใจถึงตัวตนของสนุกเกอร์สู่วงกว้าง อาจเป็นแนวทางอันดับแรกที่ต้องทำ เพราะถึงอย่างไร สนุกเกอร์ ก็มีสิทธิที่จะได้เข้าไปอยู่ในโอลิมปิกเหมือนกีฬาชนิดอื่น เพียงแต่เราต้องยอมรับว่าเส้นทางเพื่อจะไปถึงตรงนั้นยังห่างไกลมากเหลือเกิน

UFABETWIN

UFABETWIN วอชิงตัน คอมมานเดอร์ส : การเปลี่ยนชื่อทีมอเมริกันฟุตบอล ที่เริ่มจากปัญหาเหยียดสีผิว

“คุณทำให้ทุกก้าวของการรีแบรนด์มันพังขนาดนี้ได้อย่างไร ไล่ตั้งแต่ชุดแข่งขัน โลโก้ และชื่อทีม ทุกอย่างได้ 0 คะแนน”

นี่คือหนึ่งในความเห็นบนโลกออนไลน์ต่อ “วอชิงตัน คอมมานเดอร์ส” ชื่อใหม่ของทีมอเมริกันฟุตบอลประจำกรุงวอชิงตัน ดีซี ซึ่งเป็นไปในแง่ลบ หลังแฟรนไชส์แห่งนี้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรอบ 90 ปี

ทุกคนเคยรู้จักพวกเขาในชื่อที่แตกต่างออกไป อย่าง วอชิงตัน เรดสกินส์ ชื่อทีมกีฬาที่มีความหมายเชิงเหยียดสีผิวต่อชนพื้นเมืองอเมริกัน ท่ามกลางการถกเถียงในสังคมที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน ในที่สุด ความเปลี่ยนแปลงก็ได้เกิดขึ้น

แต่มันเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีไหม ? อย่างน้อยแฟนคลับของทีมก็ไม่รู้สึกอย่างนั้น เพราะทีมต้องผ่านการเปลี่ยนชื่อมามากกว่าหนึ่งครั้ง แถมยังมีตัวเลือกมากมายนับไม่ถ้วนให้ทีมพิจารณา ก่อนจะจบลงด้วย วอชิงตัน คอมมานเดอร์ส ชื่อใหม่ที่แฟนอเมริกันฟุตบอลส่ายหน้าไปตาม ๆ กัน

แฟรนไชส์กีฬาที่ชื่อ “เรดสกินส์”

หากพูดถึงชื่อเดิมของทีมฟุตบอลประจำเมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา ซึ่งหลายคนคุ้นเคยกันในนาม วอชิงตัน เรดสกินส์ คงต้องบอกให้ชัดเจนเลยว่า ชื่อดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในชื่อทีมที่เก่าแก่ที่สุดของวงการอเมริกันฟุตบอล โดยคำว่า “เรดสกินส์” ถูกใช้เป็นชื่อแฟรนไชส์ทีมอเมริกันฟุตบอลแห่งนี้มาตั้งแต่ปี 1933

เหตุผลที่ทีมเลือกใช้คำว่า เรดสกินส์ เป็นชื่อทีมมีอยู่หลายเหตุผล โดยเหตุผลแรกคือเพื่อให้คล้องจองกับชื่อของ บอสตัน เรดซ็อกส์ ทีมเบสบอลประจำเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ โดยขณะนั้นแฟรนไชส์แห่งนี้ยังสังกัดอยู่ในเมืองบอสตัน ไม่ใช่วอชิงตัน ดีซี เหมือนในปัจจุบัน

และเมื่อทีมอเมริกันฟุตบอลประจำเมืองบอสตันย้ายไปใช้สนาม เฟนเวย์ พาร์ก รังเหย้าของบอสตัน เรดซ็อกส์ ในปี 1933 จึงมีการเปลี่ยนชื่อทีมใหม่จากเดิมคือ บอสตัน เบรฟส์ มาเป็น บอสตัน เรดสกินส์ เพื่อให้มีความคล้องจองกับชื่อทีมเบสบอลประจำเมือง (เรดสกินส์ย้ายออกจากบอสตันสู่วอชิงตัน ดีซี ในปี 1939)

ส่วนอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้แฟรนไชส์แห่งนี้เลือกใช้คำว่า เรดสกินส์ เป็นชื่อทีม นั่นคือเพื่อเป็นเกียรติแก่เฮดโค้ชคนแรกของทีม อย่าง วิลเลียม เฮนรี ดีตซ์ ซึ่งเป็นชาวอเมริกันที่มีเชื้อสายมาจากชนพื้นเมืองในสหรัฐอเมริกา

และด้วยผิวสีแดงจากกรรมพันธุ์ของพวกเขา ทางแฟรนไชส์จึงได้นำจุดเด่นที่แสดงออกผ่านยีนของมนุษย์มาใช้เป็นชื่อทีม โดยให้เหตุผลว่า “เพื่อแสดงความเคารพต่อมรดกและจารีตประเพณีของชนพื้นเมืองอเมริกัน”

ความมหัศจรรย์ของเวลาคือมันไม่ได้เปลี่ยนแค่ร่างกายของมนุษย์ให้เติบโตขึ้นหรือแก่ชราลง แต่มันยังเปลี่ยนความคิดของมนุษย์ให้เปลี่ยนแปลงไปอีกด้วย ด้วยเหตุนี้การแสดงออกบางอย่างซึ่งเคยเป็นที่ยอมรับเมื่อเกือบร้อยปีก่อน อาจไม่เป็นที่ยอมรับอีกแล้วในปัจจุบัน

เช่นเดียวกับคำว่า เรดสกินส์ ที่ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นการให้เกียรติชนพื้นเมืองอเมริกันอีกต่อไป…

ความหมายที่สื่อถึงการเหยียดสีผิว

ในโลกยุคปัจจุบันการใช้คำว่า เรดสกินส์ หรือ คนผิวแดง เพื่อสื่อถึงชนพื้นเมืองอเมริกันถือเป็นการ “เหยียดสีผิวและดูหมิ่นเหยียดหยาม” โดยตัวอย่างของการกระทำที่เข้าข่ายทำร้ายชนพื้นเมืองอเมริกันอย่างโจ่งแจ้งก็หนีไม่พ้น กรณีของชื่อทีมอเมริกันฟุตบอล วอชิงตัน เรดสกินส์ ซึ่งปรากฏอยู่บนหน้าสื่อกระแสหลักและสินค้ามากมายทั่วโลกตลอดเวลา

มีหลายฝ่ายที่พยายามต่อสู้ให้แฟรนไชส์อเมริกันฟุตบอลแห่งนี้เลิกใช้คำว่า เรดสกินส์ เป็นชื่อทีม โดย สภาแห่งชาติแห่งชาวอเมริกันอินเดียน ได้เคยแถลงการณ์เรียกร้องให้ วอชิงตัน เรดสกินส์ หยุดการกระทำอันน่ารังเกียจและเหยียดสีผิวนี้ ผ่านการใช้รูปลักษณ์ของชนพื้นเมืองอเมริกันมาเป็นมาสคอตประจำทีม และใช้ชื่อทีมว่าเรดสกินส์ ซึ่งไม่สามารถสื่อถึงสิ่งอื่นได้เลยนอกจากการกระทำอันเป็นอาชญากรรม

 

UFABETWIN

 

“สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนเห็นตรงกันเกี่ยวกับทีมฟุตบอลวอชิงตันคือ คำว่า เรดสกินส์ สะท้อนถึงมรดกและประวัติศาสตร์ของทีม แต่โชคร้ายที่มรดกและประวัติศาสตร์ของทีมแห่งนี้ถือเป็นสิ่งน่ารังเกียจ เพราะมันมีรากฐานมาจากการเหยียดสีผิวและการเลือกปฏิบัติ” แถลงการณ์ของสภาแห่งชาติแห่งชาวอเมริกันอินเดียน เมื่อปี 2013 เรียกร้องให้ วอชิงตัน เรดสกินส์ เปลี่ยนชื่อทีม

“เมื่อเรามองไปยังต้นตอที่แท้จริงของชื่อนี้ (มาจากโค้ชที่เป็นชนพื้นเมือง) มันยิ่งชัดเจนมากขึ้นและมากยิ่งขึ้นไปว่า มรดกของทีมแห่งนี้ในเรื่องความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ จะกลายเป็นความผิดพลาดในประวัติศาสตร์ไปตราบนานเท่านาน”

การเปลี่ยนชื่อทีม วอชิงตัน เรดสกินส์ จึงกลายเป็นประเด็นมาตตลอดทศวรรษล่าสุด ซึ่งนี่ถือเป็นเรื่องจริงจังมากในสังคมอเมริกัน จนต้องมีการออกแบบสำรวจต่อประชาชนหลายครั้งหลายคราว โดยในปี 2016 ได้สอบถามความเห็นของชนพื้นเมืองอเมริกันว่ารู้สึกอย่างไรต่อชื่อนี้ คำตอบคือ 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ทำสำรวจรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้ถูกล่วงละเมิดโดยชื่อดังกล่าว

แต่ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020 มหาวิทยาลัยมิชิแกนได้ทำแบบสำรวจใหม่อีกครั้ง ด้วยการสอบถามความรู้สึกของชนพื้นเมืองอเมริกันกว่า 1,000 คนว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรกับชื่อ ซึ่งผลสำรวจบอกว่า ผู้ทำสำรวจประมาณครึ่งหนึ่งรู้สึกว่าพวกเขาถูกดูหมิ่นโดยชื่อ ผู้ทำสำรวจ 63 เปอร์เซ็นต์ที่ไม่พอใจท่าเชียร์ อันสื่อถึงความล้าหลังของชนพื้นเมืองอเมริกัน (ที่ดำรงชีวิตด้วยการตัดไม้) และผู้ทำสำรวจ 73 เปอร์เซ็นต์ ไม่พอใจที่แฟนคลับของทีมเอาการเต้นของชนพื้นเมืองอเมริกันไปใช้

ความไม่พอใจของชนพื้นเมืองอเมริกันซึ่งแสดงออกผ่านผลสำรวจดังกล่าว ถูกสุมไฟให้ร้อนแรงมากขึ้นหลังการเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำที่เสียชีวิตด้วยฝีมือของตำรวจในเมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินนิโซตา ซึ่งเหตุการณ์นี้กระตุ้นให้ชาวอเมริกันหันมาใส่ใจกับปัญหาการเหยียดสีผิวในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

นี่จึงนำมาสู่แรงกดดันจากบรรดาสปอนเซอร์ของวอชิงตัน เรดสกินส์ ที่ส่งจดหมายตรงถึงแฟรนไชส์แห่งนี้ เรียกร้องให้ทีมเลิกใช้คำว่า เป็นชื่อทีม โดยในจดหมายลงชื่อผู้ลงทุนและผู้ถือหุ้นของบริษัทชั้นนำถึง 87 คน ซึ่งมีทรัพย์สินรวมกัน 6.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ พวกเขากล่าวยืนยันชัดเจนว่า วอชิงตัน เรดสกินส์ ต้องเปลี่ยนชื่อทีม ไม่เช่นนั้นบริษัทเหล่านี้จะเลิกให้เงินสนับสนุนทีมกีฬาแห่งนี้

วอชิงตัน เรดสกินส์ จึงนำปัญหานี้เข้าไปพิจารณาอย่างจริงจังในเดือนกรกฎาคม ปี 2020 ก่อนจะประกาศรีไทร์ชื่อทีม วอชิงตัน เรดสกิน และโลโก้ของแฟรนไชส์ที่เป็นภาพชนพื้นเมืองอเมริกัน โดยทางทีมจะใช้คำว่า วอชิงตัน ฟุตบอลทีม ไปก่อน จนกว่าจะได้ชื่อใหม่ซึ่งจะประกาศในช่วงต้นปี 2022 เพื่อใช้เป็นชื่อของแฟรนไชส์ในลีก นับตั้งแต่ฤดูกาล 2022 เป็นต้นไป

เรดสกินส์ สู่ คอมมานเดอร์ส

หลังจากใช้ชื่อ วอชิงตัน ฟุตบอลทีม อยู่นานถึง 18 เดือน หรือเท่ากับการแข่งขัน สองฤดูกาล ในที่สุด แฟรนไชส์ทีมอเมริกันฟุตบอลประจำกรุงวอชิงตัน ดีซี ได้ประกาศตัวเลือกชื่อใหม่ของแฟรนไชส์แก่สาธารณะในวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา โดยทาง วอชิงตัน ฟุตบอลทีม ยืนยันว่าพวกเขาได้ทำการสอบถามแฟนคลับของทีมมากถึงราว 4 หมื่นคน จนได้ชื่อดังต่อไปนี้

วอชิงตัน เรดวูล์ฟส, วอชิงตัน คอมมานเดอร์ส, วอชิงตัน เรดฮอกส์, วอชิงตัน ดีเฟนเดอร์ส, วอชิงตัน แอดไมรัลส์, วอร์ชิงตัน อาร์มาดา, วอชิงตัน เพรสซิเดนต์ส, วอชิงตัน เรดเทลส์ และ วอชิงตัน วอริเออร์ส รวมทั้งหมดเท่ากับว่า วอชิงตัน ฟุตบอลทีม มีตัวเลือกชื่อใหม่มากถึง 9 ชื่อ

แน่นอนว่าชื่อที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า เรด อย่าง วอชิงตัน เรดวูล์ฟส หรือ วอชิงตัน เรดฮอกส์ จะติดหูแฟนทั่วไปมากกว่าในเบื้องต้น แต่ชื่อที่ก้าวขึ้นมาเป็นเต็งหนึ่งคือ “วอชิงตัน คอมมานเดอร์ส” โดยรายงานของ บรรดาผู้สื่อข่าวท้องถิ่นและแฟนคลับของทีมส่วนหนึ่งสมัครเป็นแฟนคลับชื่อใหม่นี้อย่างรวดเร็ว

โอกาสที่พวกเขาจะใช้ชื่อ วอชิงตัน คอมมานเดอร์ส มีเพิ่มมากขึ้นไปอีก เมื่อมีการปล่อยภาพหลุดยูนิฟอร์มชุดแข่งขันใหม่ของทีมออกมา ซึ่งบนชุดมีการปักดาวสีทอง 3 ดวงลงไป โดยรายละเอียดตรงนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากธงประจำกรุงวอชิงตัน ดีซี

แต่ไม่ได้มีแค่ธงของเมืองหลวงสหรัฐอเมริกาที่ใช้ดาว 3 ดวงเป็นสัญลักษณ์ เพราะดาว 3 ดวงแบบนี้ ยังหมายความถึงยศของนายทหารชั้นพลโท ซึ่งสอดคล้องกับการเป็นผู้บังคับบัญชา หรือ คอมมานเดอร์ส

วอชิงตัน ฟุตบอลทีม ยังดูเหมือนจงใจจะทำภาพหลุดอย่างต่อเนื่อง โดยในการสัมภาษณ์ของ เจสัน ไรท์ ประธานทีมวอชิงตัน ฟุตบอลทีม ได้มีกระดาษแผ่นหนึ่งที่ปรากฏโลโก้ใหม่ของแฟรนไชส์ และเขียนชื่อทีมชัดเจนว่า วอชิงตัน คอมมานเดอร์ส

 

UFABETWIN

 

ขณะเดียวกันมีการสืบย้อนหลังไปว่า เว็บไซต์  ไม่สามารถใช้งานได้ในช่วงเวลาดังกล่าว แม้ว่าจะมีการจดโดเมนเว็บไซต์ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2020 หรือนับตั้งแต่ วอชิงตัน ฟุตบอลทีม ถูกสั่งให้ทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อเดิมของแฟรนไชส์

หลักฐานมัดตัวขนาดนี้ก็ไม่มีอะไรต้องแปลกใจ เมื่อในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2022 วอชิงตัน ฟุตบอลทีม ได้ประกาศเปลี่ยนชื่อแฟรนไชส์เป็น วอชิงตัน คอมมานเดอร์ส อย่างเป็นทางการ โดยทาง เจสัน ไรท์ ได้ยืนยันว่า นี่คือชื่อทีมที่สามารถสะท้อนตัวตนและมีความหมายต่อทีมอเมริกันฟุตบอลที่มีอายุยาวนาน 90 ปี ได้อย่างดีที่สุด

“นี่คือสิ่งที่สามารถเชื่อมโยงกับแฟน ๆ ของเราในวงกว้าง และเป็นบางสิ่งที่เราเชื่อว่าสามารถสะท้อนคุณค่าของการรับใช้ รวมถึงความเป็นผู้นำต่อพื้นที่วอชิงตัน ดีซี และชุมชนในละแวกนี้จริง ๆ” เจสัน ไรท์ กล่าวถึงความหมายของชื่อวอชิงตัน คอมมานเดอร์ส

ทันทีที่ชื่อ วอชิงตัน คอมมานเดอร์ส ออกสู่สายตาสาธารณชน มันกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ และไม่ใช่ในทางที่ดีนัก โดยมีผู้ใช้งานแสดงความเห็นในทิศทางไม่ชอบใจชื่อใหม่ของทีมด้วยข้อความแตกต่างกันออกไป

ไม่ว่าจะเป็น “เรากลับไปใช้คำว่า ฟุตบอลทีม ได้ไหม”, “ผมจะเรียกทีมนี้ว่า เรดสกินส์ ผมไม่แคร์หรอก”, “เรารอคอยวันนี้มานาน 2 ปี เพื่อจะเห็นเราขโมยชื่อของทีมจากลีก (ลีกอเมริกันฟุตบอลที่เปิดปีเดียวเจ๊ง) มาใช้” หรือ “ความคาดหวังที่พวกเรามีต่อคุณมันก็ต่ำแล้วนะ แต่ให้ตายเถอะ”

บางคนถึงกับล้อว่าการใช้ชื่อ คอมมานเดอร์ส เป็นการกระโดดไปอยู่ขั้วตรงข้ามกับชื่อเก่าอย่าง เรดสกินส์ อย่างสุดขั้ว เพราะต้องไม่ลืมว่า คอมมานเดอร์ส สื่อความหมายถึงผู้บังคับบัญชาทหารที่ไล่ฆ่าศัตรูในสงคราม แล้วคนกลุ่มใดล่ะที่นายทหารชาวอเมริกันกวาดล้าง หากไม่ใช่ชนพื้นเมืองอเมริกัน

ไม่ใช่แค่ชื่อทีมที่ถูกโจมตี แต่ชุดแข่งขันรวมถึงโลโก้ของพวกเขาก็ไม่รอดจากการโดนเล่นงานด้วยเช่นกัน โดยโลโก้ของ วอชิงตัน คอมมานเดอร์ส ยังคงเป็นตัว W ธรรมดาที่แทบไม่แตกต่างจากตอนชื่อ วอชิงตัน ฟุตบอลทีม ส่วนชุดแข่งขันนั้นเรียบยิ่งกว่า แถมยังมีคำว่า คอมมานเดอร์ส ใหญ่โตอยู่กลางหน้าอก ทั้งที่แฟนคลับของทีมหลายคนแทบไม่มีความผูกพันกับคำนี้เลย

“คุณทำให้ทุกก้าวของการรีแบรนด์มันพังขนาดนี้ได้อย่างไร ไล่ตั้งแต่ชุดแข่งขัน โลโก้ และชื่อทีม ทุกอย่างได้ 0 คะแนน”

“ว้าว นี่มันแย่มาก พวกคุณมีโอกาสมากมายที่จะหาชื่อทีมและชุดแข่งขันที่มันดีกว่านี้”, “ผมขอสั่งให้คุณเปลี่ยนชื่อของเรากลับไปเป็น ฟุตบอลทีม เดี๋ยวนี้” นี่คือตัวอย่างรีแอ็กชั่นของแฟน วอชิงตัน คอมมานเดอร์ส ต่อการรีแบรนด์

แต่ไม่ว่าแฟนคลับของทีมจะว่าอย่างไร วอชิงตัน คอมมานเดอร์ส จะกลายเป็นชื่อใหม่ของแฟรนไชส์หลังจากนี้ ซึ่งอย่างน้อยที่สุดมันได้แสดงถึงการเริ่มต้นใหม่ของทีม เพราะไม่เพียง วอชิงตัน คอมมานเดอร์ส จะไม่สามารถเข้าสู่ซูเปอร์โบวล์มายาวนานกว่า 30 ปี ทีมยังเพิ่งมีเหตุการณ์อื้อฉาวครั้งใหญ่ที่แสดงถึงการล่วงละเมิดทางเพศในองค์กร จนทีมโดนสั่งปรับเงินไป 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

วอชิงตัน คอมมานเดอร์ส อาจไม่ใช่ชื่อใหม่ของทีมที่ผู้คนต้อนรับในเวลานี้ แต่หากทีมสามารถทำผลงานได้ใกล้เคียงกับประวัติศาสตร์ตลอด 90 ปีของทีม มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่ผู้คนจะเปิดรับชื่อใหม่นี้เข้าไปในใจ

หลังจากนี้จึงขึ้นอยู่กับว่า วอชิงตัน คอมมานเดอร์ส จะสามารถมัดใจแฟนคลับของทีมได้มากแค่ไหน กับการเริ่มต้นใหม่ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้

UFABETWIN

UFABETWIN รูบิน คาร์เตอร์ : ยอดมวยที่ถูกจองจำในคดีฆาตกรรมเกือบ 20 ปี เพียงเพราะผิวดำ

“มันเป็นเพราะสีผิวของผม ซึ่งผมทำอะไรกับมันไม่ได้ นี่มันมาจากบรรพบุรุษของผม” รูบิน คาร์เตอร์ กล่าว

ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นที่โจษจันในวงการมวยของโลกในยุค 60s ด้วยสถิติชนะ 27 ไฟต์จาก 40 ไฟต์ โดยเป็นการชนะน็อกถึง 19 ครั้ง จนได้รับฉายาว่า “เฮอร์ริเคน”

อย่างไรก็ดีค่ำคืนหนึ่งในปี 1966 เขากลับตกเป็นผู้ต้องหาในเหตุกราดยิง เนื่องจากพยานบอกว่าคนร้ายเป็นคนผิวดำ และทำให้เขาถูกจองจำเกือบ 20 ปี

เกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น

วัยเด็กที่โลดโผน

รูบิน คาร์เตอร์ เกิดเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 1937 ที่เมืองคลิฟตัน รัฐนิวเจอร์ซีย์ เขาเป็นลูกคนที่ 4 จาก 7 คนในครอบครัวคนผิวดำยากจนที่ย้ายมาจากรัฐจอร์เจียร์ รัฐทางใต้ ซึ่งมีปัญหาการเหยียดผิวอย่างหนัก

ลอยด์ พ่อของเขาเป็นคนขยันและเข้มงวดมาก เนื่องจากแม้จะมีงานหลักเป็นคนงานในโรงงานยางตอนกลางวันและส่งน้ำแข็งในช่วงเช้า แต่เขาก็มีงานเสริมเป็นผู้ช่วยบาทหลวงในโบสถ์

ความเข้มงวดของลอยด์เห็นได้จากสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อลูกชาย ทั้งการให้มาช่วยงานตัดน้ำแข็งตั้งแต่ คาร์เตอร์ อายุ 8 ขวบ รวมทั้งจับลูกชายตัวเองส่งตำรวจ หลัง คาร์เตอร์ และเพื่อนไปขโมยของจากร้านเสื้อผ้าในเมืองแพตเตอร์สัน ตอนอายุ 9 ขวบ

แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความเฟี้ยวของ คาร์เตอร์ ลดลง และตอนอายุ 11 เขาก็ถูกจำคุกเป็นครั้งแรกหลังไปก่อเหตุแทงชายคนหนึ่งที่พยายามล่วงละเมิดทางเพศเขา ทำให้เขาถูกส่งไปควบคุมความประพฤติที่สถานพินิจสำหรับเด็กผู้ชายที่ชื่อว่า สเตท โฮม (คล้ายกับบ้านเมตตาของไทย) ที่เมืองเจมส์เบิร์ก

คาร์เตอร์ เล่าว่าที่เจมส์เบิร์กผู้คุมต่างข่มเหงและรังแกเขาสารพัด มีตั้งแต่ตบตีไปจนถึงทำร้ายร่างกาย เขาต้องทนอยู่อย่างนั้นอยู่ 6 ปี จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจหนีออกมาแล้วไปอยู่กับป้าที่ฟิลาเดลเฟีย ที่อยู่ห่างออกไปราว 50 ไมล์ รวมทั้งเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการสมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพในวัย 17 ปี (ที่สหรัฐฯ ยุคนั้นสมัครทหารได้ตั้งอายุ 17 ปี)

โชคดีที่ในยุคนั้นระบบข้อมูลยังไม่ได้เชื่อมโยงกันมากนัก ทำให้ไม่มีคนรู้เรื่องราวในอดีตของ คาร์เตอร์ เขากลายเป็นคนใหม่ในกองทัพ และได้สังกัดพลร่มกองบิน 101 ที่ได้ไปประจำการที่เยอรมัน ก่อนจะเริ่มต่อยมวยในตอนนั้น

“พวกเขาต่างแข็งแกร่ง ตรงไปตรงมา และทำงานหนักพอ ๆ กับต่อสู้อย่างหนักหน่วง” คาร์เตอร์ ย้อนความหลัง

“ที่นั่นไม่มีอะไรยุ่งยาก ไม่มีความตึงเครียด ไม่มีความกลัว”

จากนั้น คาร์เตอร์ ก็กลายนักมวยเด่นของกองทัพ ด้วยการเอาชนะคู่แข่งไปถึง 50 ครั้ง โดยเป็นการชนะน็อกถึง 35 ครั้ง และแพ้เพียง 5 ครั้ง จนก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์ยุโรปในรุ่นไลท์เวตของกองทัพบก

ก่อนที่มันจะพาเขาไปสู่เส้นทางใหม่ของชีวิต

ยอดมวยจากลูกกรง

คาร์เตอร์ อยู่ในกองทัพไม่กี่ปีก็ถูกปลดประจำการ เมื่อดันไปก่อเหตุจนถูกขึ้นศาลทหารถึง 4 ครั้ง เขากลับมาอยู่ที่แพตเตอร์สันและได้งานเป็นคนขับรถหลังจากนั้น แต่ก็มาถูกจับจากคดีที่หลบหนีออกมาจากสถานพินิจและถูกส่งไปยัง แอนนาเดล รีฟอร์มาทอรี โรงเรียนดัดสันดานสำหรับผู้ต้องขังที่มีอายุ 18-30 ปี

เขาอยู่ในนั้นเพียง 10 เดือนก็ถูกปล่อยตัว แต่ก็มาถูกจับซ้ำสองในปี 1957 หลังจากพยายามวิ่งราวกระเป๋าผู้หญิงคนหนึ่ง และทำร้ายผู้ชายที่เข้ามาช่วย ครั้งนี้เขาถูกตัดสินให้จำคุก 4 ปีและถูกส่งไปที่เรือนจำเทรนตัน สเตท ซึ่งเป็นสถานจองจำของผู้ใหญ่

การถูกส่งเข้าคุกครั้งนี้ทำให้เขาเริ่มคิดได้และอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างจริงจัง ทำให้หลังพ้นโทษ คาร์เตอร์ ตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยสิ่งที่เขาเคยทำได้ดี นั่นคือการเป็นนักมวยอาชีพ

ไฟต์แรกของเขาได้ค่าตัวเพียง 20 เหรียญ (ราว 6,000 บาทเมื่อเทียบกับค่าเงินในปัจจุบัน) มันคือหนึ่งวันหลังออกจากเรือนจำ และ คาร์เตอร์ ก็ใช้เวลาเพียงแค่ 4 ยกเอาชนะคู่ต่อสู้ไปอย่างไม่ยากเย็น

“มันกลายเป็นองค์ประกอบในตัวผม การต่อสู้คือจังหวะการเต้นของหัวใจของผม และผมก็รักมัน” คาร์เตอร์

จากนั้นไม่นาน คาร์เตอร์ ก็ไต่เต้าขึ้นมาเป็นนักชกแถวหน้าของสหรัฐฯ แม้จะมีส่วนสูงเพียงแค่ 5 ฟุต 8 นิ้ว (172 เซนติเมตร) และหนักเพียง 155 ปอนด์ (กิโลกรัม) ซึ่งถือเป็นคนตัวเล็กแต่ก็ถูกทดแทนด้วยร่างกายที่กำยำและหมัดฮุกซ้ายที่ทรงพลัง จนได้รับฉายาว่า “เฮอร์ริเคน”

22 ไฟต์แรกเขาสามารถเอาชนะน็อกคู่ต่อสู้ไปถึง 14 ครั้ง หนึ่งในนั้นคือการเอาชนะ เอมิล กริฟฟิธ แชมป์โลกในรุ่นเฟเธอร์เวต ที่ลงมาต่อยในรุ่นมิดเดิลเวต และเคยขึ้นไปชิงแชมป์โลกรุ่นของตัวเองกับ โจอี จิอาร์เดลโญ ในปี 1964 หลังแพ้ไปอย่างเอกฉันท์

นอกจากนี้เขายังเป็นนักมวยที่ผู้คนให้ความสนใจ หลังโปรโมเตอร์เอาประวัติอาชญากรรมของเขามาเป็นจุดขาย โดยสื่อว่าเรือนจำคือสถานที่ที่หล่อหลอมให้ คาร์เตอร์ เป็นนักมวยที่น่ากลัว

 

UFABETWIN

บวกกับไลฟ์สไตล์ที่หวือหวา ทั้งการปรากฏกายในผ้าคลุมสีดำที่มีรูปเสือที่ปักด้วยด้ายสีทองอยู่ด้านหลังก่อนขึ้นชก หรือสวมสูทที่สั่งตัดโดยเฉพาะขณะเดินตามท้องถนน ทำให้เขาไม่ต่างซูเปอร์สตาร์คนหนึ่งของยุค

“เขามีหัวที่โกนเกลี้ยง หนวดที่โดดเด่น และการถลึงตาที่ไม่สั่นคลอน รูปร่างที่ไว้ใจได้ทำให้เขาปรากฏตัวได้อย่างน่าเกรงขามบนสังเวียนมาเป็น 10 ปี ก่อนที่รูปลักษณ์นั้นจะกลายเป็นเรื่องธรรมดา” หอเกียรติยศของสมาคมมวยนิวเจอร์ซีย์บรรยายถึงเขาในตอนนั้น

อย่างไรก็ดีคืนหนึ่งในปี 1966 ก็เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล

ผู้ต้องสงสัย “ผิวดำ”

มันเป็นวันที่ คาร์เตอร์ ไม่ทันตั้งตัว เมื่อคืนวันที่ 16 ต่อด้วยช่วงเช้ามืดของวันที่ 17 มิถุนายน 1966 ขณะที่เขาออกไปเที่ยวกลางคืนตามปกติห่างจากที่ที่เขาอยู่ออกไปครึ่งไมล์ กลับมีเหตุกราดยิงขึ้นในผับที่ชื่อ ลาฟาเยตต์ บาร์ แอนด์ กริลล์ ที่แพตเตอร์สัน

พยานในที่เกิดเหตุเล่าว่า ช่วงเวลา 2.30 น. ได้มีคนร้ายสองคนบุกเข้ามาในผับ ซึ่งเป็นที่พบปะสังสรรค์ของคนผิวขาวในเมือง ก่อนจะใช้ปืนลูกซองและปืนพกยิงใส่พนักงานและลูกค้าในร้าน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 2 คน และอีกคนได้รับบาดเจ็บสาหัส

“ผมอยู่ที่สำนักงานใหญ่ พวกเขาบอกว่าที่นั่นมีเหตุยิงกัน ผมคว้าปืนสองกระบอกแล้ววิ่งออกไป” จิมม์ ลอว์เลส ตำรวจผู้อยู่ในเหตุการณ์ย้อนความหลัง

“มันเหมือนกับโรงฆ่าสัตว์เลย”

ผู้รอดชีวิตบอกว่า คนร้ายเป็นคนผิวดำ และ 6 ชั่วโมงก่อนหน้านั้นห่างออกไป 5 ช่วงตึกเพิ่งจะมีเหตุคนขาวยิงคนดำในโรงแรมริมทาง ทำให้ตำรวจสันนิษฐานว่าแรงจูงใจในการก่อเหตุอาจจะเป็นการแก้แค้นจากคดีแรก

เนื่องจากในตอนนั้นแม้จะมีกฎหมายห้ามเลือกปฎิบัติออกมา แต่การแบ่งแยกสีผิวยังคงไม่หายไป เช่นกันกับที่เมืองแพตเตอร์สันที่มีการแบ่งแยกอย่างชัดเจน เห็นได้จากการมีร้านเหล้าสำหรับคนดำที่พวกเขาไปเป็นที่โรงแรมวอลซ์ อินน์ ส่วนคนผิวขาวก็คือโรงแรมลาฟาเยตต์ ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ

ด้วยเหตุนี้ทำให้หลังเกิดเหตุตำรวจได้ตั้งจุดตรวจเพื่อสกัดจับชายผิวดำตามคำให้การ และ คาร์เตอร์ ก็เป็นหนึ่งในนั้น ตอนนั้นเขาเพิ่งออกมาจากร้านเหล้ากับ จอห์น อาร์ติส คนรู้จัก และถูกเรียกตรวจเพราะรถของเขาคล้ายกับรถที่ฆาตกรใช้หลบหนีหลังก่อเหตุ

เขาถูกนำเข้าเครื่องจับเท็จและถูกปล่อยตัวในเวลาต่อมา เนื่องจากนอกจากเป็นคนผิวดำแล้วรูปพรรณสัณฐานของเขาและเพื่อนก็ไม่มีจุดไหนเลยที่ตรงกับคำให้การของพยาน

ตอนแรก คาร์เตอร์ นึกว่าจะไม่มีอะไร แต่หลังจากขึ้นชกไฟต์ที่ 40 กับ ฮวน คาร์ลอส ริเบโร นักชกชาวอาร์เจนตินา ที่โรซาริโอ ในวันที่ 6 สิงหาคม 1966 ไม่ถึง 2 เดือนต่อมา เขาและอาร์ติสก็ถูกออกหมายจับในฐานะผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรม

และมันก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ครั้งใหม่ที่อยู่นอกสังเวียนผ้าใบ

จองจำได้แค่หัวใจ

อันที่จริง คาร์เตอร์ เคยถูกเล่นงานเพราะสีผิวของเขามาก่อนหน้านี้แล้ว โดยในปี 1965 บทความหนึ่งในเขียนแสดงความเห็นว่าเขาน่าจะเป็นชายผิวดำที่ก่อเหตุยิงตำรวจในคดีที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น

แม้ว่าเขาจะปฏิเสธในเรื่องนี้แต่ตำรวจก็ยังรังควานและคุกคามเขา ทั้งถูกจับเข้าคุกโดยไม่ตั้งข้อหา ให้พิมพ์ลายนิ้วมือและถ่ายรูปราวกับเป็นผู้ต้องหา หรือแม้กระทั่งมีประวัติอยู่ในแฟ้มผู้ต้องสงสัยของสำนักงานสอบสวนกลางหรือ

ทำให้แม้ว่าในการไต่สวนครั้งแรกเขาจะมีพยานถึง 3 คนแก้ต่างว่าเขาไม่ได้อยู่แถวนั้นตอนเกิดเหตุ แต่เขาก็ถูกตัดสินให้มีความผิดจากปากคำของ อัลเฟรด เบลโล และ อาเธอร์ แบรดลีย์ พยานผิวขาวที่อ้างว่าพบเห็นทั้งสองก่อนก่อเหตุ

เบลโล บอกว่าเขาเห็นทั้ง คาร์เตอร์ และ อาร์ติส ออกมาจากโรงแรมริมทางที่คนผิวดำถูกยิงพร้อมกับมีปืนในมือ ส่วน แบรดลีย์ เห็นแค่ คาร์เตอร์ เพียงคนเดียว และยืนยันว่าพวกเขาเห็นทั้งคู่อยู่แถวร้าน ลาฟาเยตต์ กริลล์ ขณะที่เกิดเหตุกราดยิง

จากคำให้การของพยานทำให้คณะลูกขุนที่ทั้งหมดเป็นคนขาวตัดสินว่า คาร์เตอร์ และ อาร์ติส มีความผิดฐานฆาตกรรม แต่ให้หลีกเลี่ยงการประหารชีวิต ก่อนที่ ซามูเอล ลาร์เนอร์ จะให้ คาร์เตอร์ จำคุกตลอดชีวิต 2 ครั้ง (ต้องได้รับการลดโทษ 2 ครั้งถึงจะพ้นโทษ) และ อาร์ติส จำคุกตลอดชีวิต 3 ครั้ง

พวกเขาพยายามยื่นอุทธรณ์แต่ไม่เป็นผล ก่อนที่ท้ายที่สุดศาลฎีกานิวเจอร์ซีย์จะยืนตามคำตัดสินเดิม ทำให้ คาร์เตอร์ เปลี่ยนสถานะจากยอดนักมวยมาเป็นนักโทษจากความผิดที่เขาไม่ได้ก่อ

“ผมไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบ ผมเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมที่น่าสลดใจมากมาย ทั้งการทำร้ายร่างกายและลักขโมย แต่ไม่ใช่การฆาตกรรม” รูบิน คาร์เตอร์ กล่าวใน หนังสืออัตชีวประวัติส่วนตัวของเขาที่ตีพิมพ์ในปี 2011

คาร์เตอร์ บอกว่าสิ่งที่ทำให้เขากลายเป็นเหยื่อของความอยุติธรรมน่าจะมาจากการที่เขาออกมาพูดเรื่องสิทธิของพลเมืองผิวดำและต่อต้านการใช้ความรุนแรงของตำรวจ เขายืนยันในความบริสุทธิ์ของตัวเองและจะสู้ต่อในเรือนจำ

วิธีของเขาคือการทำอารยะขัดขืน เขาปฏิเสธที่จะสวมชุดนักโทษและทำงานในเรือนจำ จนถูกลงโทษสั่งขังเดี่ยวหลายต่อหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่สนและทำต่อไป พร้อม ๆ ไปกับการอ่านหนังสือ ทั้งกฎหมาย ปรัชญา และศาสนา เป็นเครื่องประโลมจิตใจ

“พวกเขาคุมขังร่างกายผมได้ แต่ไม่มีวันกักขังจิตใจผมไว้ได้” คาร์เตอร์

นอกจากนี้การเป็นอดีตนักมวยชื่อดังและการไม่ยอมจำนนต่อการข่มเหงของผู้คุม ยังทำให้เขากลายเป็นฮีโร่ในหมู่นักโทษ แถมยังเคยช่วยระงับเหตุจลาจลและช่วยชีวิตผู้คุมคนหนึ่งจากการโดยทำร้ายอีกด้วย

ทว่าเขาก็ยังต้องทนอยู่ในเรือนจำไปอีกเกือบ 10 ปี

รื้อคดีอีกครั้ง

ไม่เพียงแค่ คาร์เตอร์ เท่านั้นที่คลางแคลงใจต่อการพิจารณาคดี เมื่อผู้คนมากมายต่างกังขาในคำตัดสิน เนื่องจากไม่มีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ระบุได้ว่า คาร์เตอร์ และ อาร์ติสต์ เป็นผู้ก่อเหตุ

เพราะคดีดังกล่าวไม่มีทั้งการเก็บหลักฐานลายนิ้วมือในที่เกิดเหตุหรือการเก็บปลอกกระสุน หรือแม้กระทั่งอาวุธสังหารก็ยังไม่มีใครเคยเห็น

“มันมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้องจริง ๆ เกิดอะไรขึ้นกับหลักฐานทางกายภาพ ทำไมพวกเขาไม่ตรวจสอบลายนิ้วมือ” ริชาร์ด คารูโซ อดีตนักสืบของเอสเซ็กซ์ หนึ่งในผู้คลี่คลายคดี

และเค้าลางของความไม่ถูกต้องก็เริ่มชัดขึ้นในปี 1974 เมื่อ เบลโล และ แบรดลีย์ พยานของคดีนี้บอกกับทนายของรัฐและ ว่าขอกลับคำให้การ โดยบอกว่าเขาถูกกดดันจากนักสืบให้บอกชื่อ คาร์เตอร์ และ อาร์ติส

เนื่องจากในตอนนั้นเขากำลังบุกเข้าไปในโรงงานแห่งหนึ่งแถวนั้นเพื่อขโมยของ แต่ก็มาถูกตำรวจจับได้เสียก่อน และอัยการก็สัญญาลับ ๆ กับพวกเขาว่าจะทำให้โทษของพวกเขาลดลงหากให้ความร่วมมือในคดีของคาร์เตอร์

แน่นอนหลังจากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกมาก็มีเสียงวิจารณ์อย่างหนาหู โดยเฉพาะ ที่อุทิศบทความหนึ่งหน้ากระดาษตำหนิการทำงานของตำรวจและอัยการที่ทำคดีนี้ในปี 1975 บ็อบ ดีแลน ศิลปินระดับตำนาน ยังได้แต่งเพลงที่ชื่อว่า “เฮอร์ริเคน” ที่บอกว่า คาร์เตอร์ เป็นผู้บริสุทธิ์

ในปีดังกล่าวยังมีการจัดคอนเสิร์ตหาทุนสู้คดีให้แก่อดีตยอดมวยคนนี้ ที่เมดิสัน สแควร์ การ์เดน และฮูสตัน แอสโตรโดม ที่นอกจาก ดีแลน แล้ว ยังมี โจนี มิตเชลล์, โจอัน บาเยซ และ โรแบร์ตา แฟลค เข้าร่วมในคอนเสิร์ตนี้

อย่างไรก็ดีน่าเศร้าที่การพิจารณาคดีครั้งที่ 2 ในปี 1976 ศาลยังคงตัดสินให้ คาร์เตอร์ และ อาร์ติส มีความผิด เพราะ เบลโล พลิกคำให้การอีกครั้ง โดยยืนยันว่าเขาเห็นจำเลยอยู่ในที่เกิดเหตุ และพวกเขาต้องกลับไปนอนคุกเป็นหนที่ 2

 

UFABETWIN

แต่ คาร์เตอร์ ก็ไม่ยอมแพ้ เขายังคงสู้ต่อไปภายในเรือนจำ และใน 9 ปีต่อมาหลังจากคำอุทธรณ์ถูกปัดตกหลายครั้ง ศาลรัฐบาลกลางก็กลับคำพิพากษา โดยให้เหตุผลว่าคำพิพากษานี้ละเมิดรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมาจากอคติทางเชื้อชาติ

“การตัดสินลงโทษอยู่บนการเหมารวมทางเชื้อชาติ ความกลัว และอคติ ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน” เอซ ลี ซาโกริน ผู้พิพากษารัฐบาลกลางระบุในปี 1985

“มันมากเกินไป ที่จะยอมให้การคล้อยตามยืนอยู่ในทางเดียวกับการแสวงหาการบรรเทาทุกข์”

และการตัดสินนั้นก็ทำให้ คาร์เตอร์ เป็นอิสระเสียที หลังถูกจองจำมา 19 ปี

ทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง

หลังจากถูกปล่อยตัวจากเรือนจำ คาร์เตอร์ ย้ายไปอยู่ที่เมืองโตรอนโต และได้สัญชาติแคนาดา เขาก่อตั้งสมาคมป้องกันผู้ต้องหาที่ถูกตัดสินอย่างผิด ๆ เพื่อช่วยเหลือคนที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกับเขา

“เขาเป็นคนที่ค่อนข้างซับซ้อนแต่ก็สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนได้มาก เขาคือเสียงสะท้อนของคนที่ถูกตัดสินอย่างผิด ๆ ในสิ่งที่พวกเขาไม่ได้ทำ” วิน วาห์เรอร์ เจ้าหน้าที่ของสมาคมฯ

นอกจากนี้เขายังเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนผิวดำมากมาย รวมถึง แบร์นาร์ด ฮอปกินส์ นักมวยระดับตำนาน อดีตเจ้าของเข็มขัดแชมป์โลกในในรุ่นมิดเดิลเวต ที่นับถือในความอดทนอดกลั้นของคาร์เตอร์มาตลอด 19 ปีในเรือนจำ

“นั่นเป็นวิธีการต่อสู้ที่ลึกซึ้งที่แสดงถึงการไม่ยอมแพ้ เป็นการต่อสู้ที่ละเอียดอ่อนเพื่ออิสรภาพ มันมีทางเลือกเสมอสำหรับสถานการณ์ที่จะไถ่ถอนความผิด” ฮอปกินส์

อย่างไรก็ดีแม้จะถูกพรากชีวิตและอนาคต แต่ คาร์เตอร์ ยืนยันเสมอว่าเขาไม่เคยโกรธหรือเกลียดคนที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ มันอาจจะเป็นการมองโลกในแง่ดีเกินไปแต่มันก็ทำให้เขาผ่านมันมาได้

“ความเกลียดชัง ความขมขื่น และความโกรธจะกัดกินแค่ภาชนะที่ใส่มันเอาไว้ มันไม่ได้ทำร้ายจิตใจคนอื่น” คาร์เตอร์ กล่าวกับ CNN เมื่อปี 2011

“ถ้าผมปล่อยให้ตัวเองโกรธแค้นและขมขื่นกับการตกเป็นเหยื่อ ผมคงจะไม่มีวันเอาตัวรอดมาได้ในคุก คุกสามารถจัดการกับความโกรธและความเกลียดชังได้ เพราะคุกคือที่รวมของทั้งหมดเหล่านี้ ดังนั้นผมจึงต้องก้าวข้ามมันให้ได้”

และมันก็ทำให้เขามีชีวิตอย่างไม่ทนทุกข์จนลมหายใจสุดท้าย หลังลาโลกไปเมื่อปี 2014

“มันไม่มีอะไรขมขื่น ถ้าผมขมขื่นหมายความว่าพวกเขาเป็นผู้ชนะ” คาร์เตอร์ กล่าวไว้เมื่อปี 1999

UFABETWIN