UFABETWIN เทน ฮาก : ว่าที่กุนซือใหม่ แมนฯ ยูไนเต็ด ผู้ร้องขอ “สิทธิ์ขาด” แบบที่ไม่มีใครเคยได้

หากไม่มีอะไรผิดพลาดจากการรายงานของสื่อใหญ่หลายเจ้าในยุโรป เอริค เทน ฮาก จะกลายเป็นกุนซือคนใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในซีซั่นหน้า

เฮดโค้ชในวัย 52 ปีคนนี้มีวิธีการทำงานแบบไหน เขาร้องขออะไรและนำเสนออะไรกับบอร์ดบริหารจนทำให้เขาอาจได้งานนี้ และสุดท้ายปัญหาใดที่เขาจะต้องเซอร์ไพรส์ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด

กว่าจะมาถึงอาหยักซ์

เอริค เทน ฮาก อาจจะเป็นชื่อใหม่ที่ไม่คุ้นหูของแฟนบอลบางกลุ่ม ซึ่งอันที่จริงเเล้วก็ไม่ผิดนัก เพราะในบทบาทเฮดโค้ช เทน ฮาก นั้นมีประวัติการทำงานเพียงแค่ 10 ปีเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยพอสมควรกับทีมที่ต้องการพลิกฟื้นคืนสู่ความยิ่งใหญ่อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด แถมงานที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักจริง ๆ ก็อยู่ในช่วงที่เขารับบทบาทกุนซือของ อาหยักซ์ อัมสเตอร์ดัม ในปัจจุบัน ซึ่งนับจนถึงตอนนี้ก็เพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น

กุนซือวัย 52 ปีทำงานในบทบาทของโค้ชตั้งแต่ช่วงที่เขาเลิกเล่นฟุตบอลในปี 2002 เขาเริ่มต้นด้วยการคุมทีมทเวนเต้ ชุดยู-17 และ ยู-19 และใช้เวลาในช่วงนี้ไปทั้งหมด 4 ปีจนถึงปี 2006 เขาจึงเริ่มได้รับบทบาทเป็นผู้ช่วยโค้ชระดับทีมชุดใหญ่ของทเวนเต้ โดยคนที่ดึงเขามาทำงานด้วยคือ เฟร็ด รุทเทน และต่อมาจนถึงยุคของ สตีฟ แม็คคลาเรน ซึ่งเป็นทีมที่ดีที่สุดในรอบหลายปีของทเวนเต้ที่การันตีด้วยเเชมป์ดัตช์ลีกปี 2009-10 จากนั้นเส้นทางการเป็นกุนซือเต็มตัวครั้งแรกจึงเกิดขึ้นในปี 2012 กับทีมโก อเฮด อีเกิลส์ โดยคนแต่งตั้งเขาก็คือคนเดียวกับที่ผลักดันเขาให้ได้คุมทีมอาหยักซ์ นั่นคือ มาร์ค โอเวอร์มาร์ส นั่นเอง

นี่คือเส้นทางคร่าว ๆ ที่ใช้เวลา 10 ปีอยู่เบื้องหลังก่อนที่จะเริ่มมาทำงานเบื้องหน้า เอริค เทน ฮาก ว่าที่กุนซือคนใหม่ในฤดูกาลหน้าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คำถามคือเขามีวิธีการทำงานแบบไหน เหตุุใดเขาจึงเป็นผู้ถูกเลือก ?

สื่อหลายที่เรียกเขาว่า “นิว เป๊ป กวาร์ดิโอลา” แต่ถ้าจะพูดแบบนั้นมันก็อาจจะเกินไปหน่อย เพราะกุนซือระดับเป๊ปยากที่จะหาใครเทียบเคียงหากมองในแง่ของความสำเร็จ แม้เรื่องนี้อาจจะทำให้ใครหลายคนมองว่า เทน ฮาก โดนยกย่องเกินจริง ทว่าเจ้าตัวกลับเป็นคนพูดเองว่า เป๊ป กวาร์ดิโอลา คือกุนซือที่เปลี่ยนแนวทางและวิธีการคิดของเขามากที่สุด เรียกได้ว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในการทำทีมคนสำคัญของ เทน ฮาก เลยก็ว่าได้

เรื่องของเรื่องคือในช่วงปี 2013 บาเยิร์น มิวนิค สโมสรเบอร์ 1 ของเยอรมัน มีการจ้าง เอริค เทน ฮาก เข้ามารับงานตำแหน่งเฮดโค้ชของทีมชุดสำรอง มองเผิน ๆ อาจเหมือนเป็นงานที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไร … “ก็แค่ทีมสำรอง” แต่จริง ๆ แล้ว บาเยิร์น เป็นทีมที่มีปรัชญาฟุตบอล โครงสร้าง และแนวทางการทำทีมทุกชุดให้เกี่ยวพันกัน ทีมทุกชุดจะถูกฝึกสอนให้เป็นทีมที่มีวิธีการเล่นที่เน้นเกมรุก เน้นการครอบครองบอล และแน่นอนที่สุดคือการเล่นในแบบที่เรียกว่า เคาน์เตอร์ เพรสซิ่ง หรือการเสียบอลเมื่อไรต้องรุมแย่งบอลกลับมาให้เร็วที่สุด

 

UFABETWIN

ที่ บาเยิร์น มิวนิค ชุดสำรอง เทน ฮาก ได้มีโอกาสร่วมงานกับ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่เป็นกุนซือของทีมชุดใหญ่ในเวลานั้น ทั้งคู่ติดต่อและพูดคุยกันเป็นประจำ มีการประชุมทีมกันทุกเดือนเพื่อให้ภาพรวมของทีมชุดสำรองกับทีมชุดใหญ่สอดคล้องกัน และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ เทน ฮาก บอกว่าเขารู้สึกเหมือนได้เปิดโลกใหม่ในฐานะกุนซือแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ทุกวันที่ได้ร่วมงานกับ เป๊ป ที่บาเยิร์น คือช่วงเวลาที่ผมตั้งตารอ เขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับผมอย่างแท้จริง” เทน ฮาก กล่าวถึงลูกพี่เก่าที่เคยร่วมงานกัน

“ผมเรียนรู้จาก เป๊ป มาเยอะมาก ปรัชญาการทำทีมของเขานั้นสุดยอดแบบไม่มีข้อโต้แย้ง สิ่งใดก็ตามที่เขาทำมาตั้งแต่ตอนที่อยู่กับ บาร์เซโลน่า, บาเยิร์น หรือแม้กระทั่งตอนนี้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือวิธีการที่เราสามารถใช้คำว่าเหนือจินตนาการได้เลย”

“วิธีการเล่นเกมรุกที่น่าดึงดูดคือสไตล์การเล่นที่นำมาซึ่งชัยชนะมากมาย ผมเฝ้าดูการฝึกซ้อมของเขาทุก ๆ วัน และมันเป็นโครงสร้างที่ผมพยายามนำมาปรับใช้กับงานของผมที่อาหยักซ์อย่างแท้จริง” เทนฮาก กล่าว

การทำงานที่บาเยิร์นทีมสำรองเหมือนเป็นการปูพื้นฐานการเป็นโค้ชที่ดีให้กับ เทน ฮาก เลยก็ว่าได้ จากการให้สัมภาษณ์ข้างต้น สิ่งที่ เทน ฮาก พยายามจะบอกคือวิธีการเล่นของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา อย่าง ติกิ-ตากา ไม่ได้สำคัญเท่ากับวิธีการทำงานในฐานะกุนซือ นั่นคือนอกจากการดึงศักยภาพของนักเตะในทีมออกมาให้ได้ สอนให้นักเตะของตัวเองเข้าใจวิธีการเล่นที่เขาต้องการจะสื่อ … คือการเชื่อมั่นในการศึกษารายละเอียด สถิติ และวิธีการของทีมคู่แข่ง เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้ทีมของเขานำหน้าคู่แข่ง 1 ก้าวเสมอ…

รู้เขารู้เรา

จะมีประโยชน์อะไรหากมีความรู้ท่วมหัวแต่ไม่สามารถถ่ายทอดสิ่งนั้นไปถึงลูกทีมได้ ? นั่นคือวิธีการคิดเบื้องต้นของ เทน ฮาก ซึ่งเรื่องนี้เขาจริงจังถึงขั้นต้องลงเรียนในสาขาการจัดการในระดับปริญญาโท เมื่อปี 2014 ซึ่งลูกทีมของเขาทุกคนบอกตรงกันว่าหลังจากการซ้อมของ เทน ฮาก จะมีการสรุปงานและให้แนวคิดกับนักเตะทุกคนเพื่อจะได้ไม่เหลือคำถามอะไรให้สงสัย ทุกคนต้องเข้าใจจุดมุ่งหมายของการซ้อมในแต่ละวันให้ได้ ไม่อย่างนั้นการซ้อมจะไม่ถือว่าเสร็จสมบูรณ์

มาร์นิกซ์ โคลเดอร์ อดีตลูกทีมของ เทน ฮาก เล่าถึงเรื่องการฝึกซ้อมสมัยทำงานร่วมกันว่า “เบื้องหลังการซ้อมทุกครั้งชัดเจนและทุกต้องได้ข้อคิดเสมอ เทน ฮาก เป็นโค้ชประเภทที่พยายามจะทำให้นักเตะในทีมดีขึ้นในแง่ของแทคติก ยุทธวิธีการเล่น และเรื่องของกายภาพ”

“เขาเคยบอกกับผมในวันที่ผมขอวันหยุดเนื่องจากติดธุระว่า มาร์นิกซ์ การซ้อมทุกครั้งมันสำคัญมากนะเมื่อคุณทำงานกับผม จากนั้นผมก็รู้ทันทีว่าผมต้องทำงานกับโค้ชประเภทไหน”

โคลเดอร์ ให้สัมภาษณ์ยาวกว่านี้มากในการพูดคุยกับสื่ออังกฤษอย่าง แต่หลัก ๆ แล้วสิ่งที่โคลเดอร์พยายามจะบอกนั่นคือวิธีการของ เทน ฮาก ที่เป็นคนเข้มงวด ไม่ผ่อนปรน และจริงจังกับการซ้อม ชอบให้นักเตะในทีมทำสิ่งเดิมซ้ำ ๆ จนกว่าจะสามารถทำได้โดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีใครมาบอก

“5-6 สัปดาห์แรกของการพรีซีซั่นในทีมของ เทน ฮาก ผมยอมรับจริง ๆ ว่าผมคิดว่าเขาเกลียดขี้หน้าผม เพราะเขาชอบตะโกนและบอกว่าผมกำลังทำผิด ผมต้องทำมากกว่านี้ ยิ่งกว่าที่เขากำลังเห็น ผมเลยเข้าไปหาเขาในห้องทำงาน และเขาก็อธิบายกลับมาว่า”

“ผมจำเป็นต้องทำ เพราะคุณเป็นนักเตะประเภทที่พอใจกับการทำงานเพียงแค่ 80% ของตัวเอง ผมอยากทำให้คุณโกรธ ทำให้คุณก้าวร้าวเพื่อเปลี่ยนจาก 80% เป็น 90% หรือ 100%”

ในการทำงานทุก ๆ ที่ เทน ฮาก พยายามเข้าใจลักษณะนิสัยของนักเตะแต่ละคนในทีม เพื่อทำให้เขาได้รู้วิธีที่จะพูดกับนักเตะแต่ละคน บางคนชอบคำชม บางคนชอบโดนด่า และบางคนอาจจะไม่ต้องสอนอะไรเลย จากนั้นก็เป็นการทำให้ทุกอย่างในการซ้อมออกมาให้มีคุณภาพที่สุด ในช่วงที่เขาทำทีมเล็ก ๆ อย่าง โก อเฮด อีเกิลส์ นั้น เทน ฮาก ถึงขั้นต้องวัดความสูงหญ้าในสนามซ้อมเอง และบอกให้คนตัดหญ้าปรับระดับความสูงของหญ้าตามที่เขาต้องการ

เมื่อทำในส่วนของตัวเองได้ดีแล้ว จากนั้นจึงเป็นวิธีการ “รู้จักฝั่งตรงข้าม” แม้ทีมของ เทน ฮาก จะเป็นทีมที่เล่นเกมรุก ชอบครองบอล และให้นักเตะในทีมวิ่งให้เยอะ ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนผ่านผลงานของ อาหยักซ์ ในการเล่นเกมลีกมาตลอดหลายปีที่เล่นยังไงก็ชนะแทบจะทุกครั้ง แถมยังยิงเยอะยิงขาดเป็นประจำ … แม้เรื่องนี้อาจเกิดจากคุณภาพของนักเตะทีมอื่น ๆ ในลีกที่ตามหลัง อาหยักซ์ พอสมควร แต่ ดูซาน ทาดิช กองหน้าของอาหยักซ์ ชุดเเชมป์ลีก 2 สมัย ก็ยืนยันว่าคุณภาพของนักเตะเป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้อาหยักซ์ไร้เทียมทานคือการศึกษาคู่แข่งและสั่งการบ้านให้นักเตะแต่ละตำแหน่งในทีมไปศึกษาเพิ่มเติมต่างหาก นี่คือวิถีของการนำหน้า 1 ก้าวของอาหยักซ์ชุดปัจจุบันที่แท้จริง

“โค้ชของเราเป็นคนที่เยี่ยมมาก” กัปตันของอาหยักซ์กล่าว “เขาเป็นหนึ่งในคนที่มีโอกาสจะเป็นโค้ชที่ดีที่สุดในโลกเพราะวิธีการของเขา เขาเป็นคนบ้าบอล หมกมุ่นอยู่กับฟุตบอลได้ทั้งวัน ผมมั่นใจว่าในหัวเขาคิดถึงแต่เรื่องฟุตบอลตลอดเวลาแน่นอน ผมมั่นใจแบบนั้น … และถ้าคุณอยากจะให้ทีมของคุณเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม คุณก็ต้องการคนแบบนี้แหละ”

“เทน ฮาก มีวิธีแก้ปัญหาและการสื่อความต้องการของเขาให้นักเตะในทีม บางครั้งเวลาเขาเจอกับสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิดเขาก็จะหาวิธีแก้ไขมันได้ วิธีการทำงานแบบ เทน ฮาก คือการทำให้ผู้เล่นในทีมรู้สึกเหมือนกับว่าเรานำหน้าคู่ต่อสู้ 1 ก้าวเสมอ … เขาคือผู้นำทางความคิด ทางแทคติก และสามารถสื่อความให้กับนักเตะในทีมได้” ทาดิช กล่าว

งานใหญ่ที่รออยู่

หากไม่มีอะไรผิดพลาดจากการรายงานของสื่อใหญ่หลายเจ้าในยุโรป เอริค เทน ฮาก จะกลายเป็นกุนซือคนใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในซีซั่นหน้า … ในช่วงเวลาที่ทีมไร้ความสำเร็จมายาวนาน ทุกอย่างล้วนมีเหตุผล กุนซือโปรไฟล์สวย ๆ มีความสำเร็จการันตีหลายคนมาที่นี่ก่อน เทน ฮาก และจากไปอย่างผู้แพ้ ยกตัวอย่างเช่น หลุยส์ ฟาน กัล หนึ่งในคนที่ เทน ฮาก ชื่นชอบ, โชเซ่ มูรินโญ่ และล่าสุดอย่าง ราล์ฟ รังนิก ที่แม้จะยังอยู่ในตำแหน่งแต่ก็แทบไม่มีทิศทางดี ๆ เกิดขึ้นกับทีมชุดปัจจุบันเลย

 

UFABETWIN

 

สิ่งที่ ฟาน กัล, มูรินโญ่ และ รังนิก พูดเหมือนกัน ๆ ถึงปัญหาของ แมนฯ ยูไนเต็ด คือพวกเขาไม่ได้รับการสนับสนุนที่ดีจากบอร์ดบริหารในแง่ที่ไม่ใช่เรื่องของการทุ่มเงินซื่้อนักเตะ แต่มันเป็นเรื่องของสิทธิ์ในการตัดสินใจ บอร์ดบริหารของยูไนเต็ดไม่มอบดาบอาญาสิทธิ์ให้กับเฮดโค้ชของทีม เรื่องนี้เราเห็นกันมาไม่น้อยจากอดีตถึงปัจจุบัน เช่น สถานการณ์ระหว่าง ป็อกบา กับ มูรินโญ่ ที่บอร์ดเลือกถือหางนักเตะมากกว่าโค้ช และที่สำคัญคือการซื้อตัวนักเตะโดยไม่ปรึกษาเฮดโค้ชแบบที่ ฟาน กัล เจอ ซึ่งสิ่งนี้ตรงกับสิ่งที่ รังนิก เพิ่งออกมาตัดพ้อและแนะนำให้ทีมเปลี่ยนแปลงในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา

รังนิก ได้แนะนำไปยังบอร์ดบริหารของทีม 4 ข้อ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทีมยังขาด นั่นคือการเลือกนักฟุตบอลเข้าสู่ทีมให้ตรงกับสไตล์การทำงานและปรัชญาฟุตบอลของโค้ช, การมีแผนงานระยะยาว เลือกวิธีการเล่นให้ชัด และหา  ของทีมให้เจอว่าจะเล่นด้วยแนวทางไหน จะครองบอล, ตั้งรับ, โต้กลับเร็ว หรือวิ่งปะทะฉะด้วยความฟิต จะเอาแบบไหนก็ต้องเอาสักทางและไปในสายนั้นให้สุดไม่ใช่การเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา, มองนักเตะเรื่องอื่นนอกจากฝีเท้านั่นคือการอ่านไปถึงทัศนคติ คาแร็กเตอร์ ความดุดันเอาจริงเอาจังมากกว่าที่เป็นอยู่ และข้อสุดท้ายคือการให้เวลาและประเมินงานแต่ละไตรมาสอย่างจริงจัง เพราะทุกความสำเร็จไม่มีทางลัด…

4 ข้อนี้เป็นเรื่องใหญ่มากที่ ยูไนเต็ด ประสบปัญหามาตลอด ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ เทน ฮาก ได้รับในช่วงที่เขาคุมทีมอาหยักซ์มาโดยตลอด ที่อาหยักซ์ เทน ฮาก สามารถตัดสินใจเองได้ 100% เรื่องการจัดการทีมของเขา นักเตะคนไหนที่งอแง และมีปัญหาเรื่องทัศนคติหรือวินัย เทน ฮาก มีสิทธิ์ลงโทษได้โดยไม่ต้องปรึกษาใคร เช่นครั้งหนึ่งที่ เดวิด เนเรส ปีกดีกรีทีมชาติบราซิลของทีม เถียงกับเขาเรื่องของทรงผมและจบประโยคว่า “อย่าสนใจทรงผมของผมเลย เอาเวลาไปดูทรงผมของคุณเถอะ” ไม่ว่าเนเรสจะพูดเล่นหรือพูดจริง แต่สิ่งที่ เทน ฮาก ทำคือเขาดรอปเนเรสไปเป็นตัวสำรอง 2 เกมรวด หลังจากนั้นไม่นานเนเรสก็หลุดเป็นตัวสำรองของทีมผ่านนักเตะที่ เทน ฮาก เลือกเข้ามาเองอย่าง แอนโธนี่ ที่ปัจจุบันติดทีมชาติบราซิลชุดใหญ่แทนเนเรสไปแล้วด้วย

การซื้อตัว แอนโธนี่ เข้ามาถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า เทน ฮาก เองก็ต้องการสิทธิ์และการมีส่วนร่วมในตลาดซื้อขายของทีม คนไหนควรซื้อ คนไหนควรขาย เขาควรเป็นคนที่ได้ตัดสินใจเป็นคนสุดท้าย และจะดีที่สุดคือได้รับสิทธิ์ขาดนั้น นอกจากรายของแอนโธนี่แล้ว เทน ฮาก ยังเคยยื่นคำร้องกับบอร์ดบริหารของอาหยักซ์เพื่อซื้อนักเตะอายุแตะ 30 มาเสริมทีมมาแล้ว ครั้งนั้นเขาบอกว่า แม้การซื้อนักเตะอายุมากจะขัดกับนโยบายการทำทีม แต่ทีมที่เต็มไปด้วยดาวรุ่งอย่าอาหยักซ์จำเป็นจะต้องมีนักเตะที่มีประสบการณ์เข้ามา ซึ่งท้ายที่สุดเขาก็ได้ตัว ดูซาน ทาดิช และ ดาวี่ คลาสเซ่น ซึ่งทั้งสองคนก็กลายเป็นกำลังสำคัญของทีมมาถึงทุกวันนี้

ยูไนเต็ด มีนักเตะที่ชื่อดังกว่าฝีเท้ามากมาย ณ เวลานี้ หาก เทน ฮาก เห็นว่าใครเป็นนักเตะที่ไม่สามารถทำเพื่อทีมของเขาได้ เขาจะมีสิทธิ์ตัดสินใจปล่อยนักเตะคนนั้นออกไปหรือไม่ ? นี่คือคำถามที่น่าเป็นห่วงสำหรับกุนซือที่ไม่ได้มีบารมีมากมายอย่างเขา เพราะเรื่องของจิตวิทยา การตัดสินใจ และการปกครองทีม ก็มีความสำคัญไม่ต่างกับเรื่องของแทคติก การฝึกซ้อม และผลการแข่งขัน

เทน ฮาก เคยพูดถึงทีมที่ดีในอุดมคติของเขาไว้ว่า “ทีมจะเป็นทีมได้ไม่ใช่แค่นักเตะ 11 คนในสนาม แต่หมายถึงทุกคนต้องเต็มใจเสียสละตัวเองเพื่อช่วยเหลือเติมเต็มศักยภาพทีมโดยรวม”

จากการเปิดเผยของสื่ออย่าง ได้เล่าว่า เทน ฮาก พยายามจะสื่อแบบนี้กับบอร์ดบริหารของ แมนฯ ยูไนเต็ด เช่นกันในช่วงของการสัมภาษณ์งานในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสิ่งที่ เทน ฮาก นำเสนอและร้องขอคือ

1. ระยะเวลาการสร้างโครงสร้างของทีมที่เขาขอเวลาการทำงานไว้ที่ 5 ปี

2. เทน ฮาก ชี้จุดอ่อนว่า ยูไนเต็ด มีนักเตะที่มีศักยภาพความฟิตต่ำมาก อยู่ห่างไกลจากทีมระดับแถวหน้าของยุโรป และเขาต้องการเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้

3. รายชื่อนักเตะที่เขาอยากจะได้มาอยู่ในทีม โดยมีกลุ่มนักเตะอาหยักซ์อยู่ในลิสต์นักเตะที่เขาต้องการ

ทั้ง 3 ข้อที่ เทน ฮาก ร้องขอคือปัญหาที่ ยูไนเต็ด ประสบพบเจอมาตลอด … อย่างน้อย ๆ มันก็แสดงให้เห็นว่า เทน ฮาก มองเห็นจุดอ่อนและอยากจะแก้ไขปัญหาที่ซ้ำซากนี้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน อย่างไรก็ตามทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขาคนเดียว หากยูไนเต็ดยังยึดอยู่กับระบบการบริหารทีมที่โค้ชไม่ได้มีสิทธิ์ขาดเหมือนกับที่ผ่านมา สิ่งที่ เทน ฮาก ร้องขอก็คงเป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้น

ไม่ต้องพูดถึงการท้าชิงทีมอย่าง แมนฯ ซิตี้ หรือ ลิเวอร์พูล ที่ติดปีกบินไปไกลแล้ว เทน ฮาก ต้องต่อสู้กับปัญหาเชิงโครงสร้างของทีมเสียก่อน … เรื่องอื่นค่อยว่ากัน

ที่สุดเเล้วทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เราจะต้องมารอคำตอบกันในอนาคตว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเปลี่ยนแปลงแล้วยอมรับหรือไม่ว่าตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาพวกเขาทำผิดพลาด และตั้งใจจะแก้ไขมันให้ถูกต้องในยุคของ เอริค เทน ฮาก ?

UFABETWIN